Handmade Tech

On-Page SEO เว็บธุรกิจ ใหม่ เช็กลิสต์ 15 ข้อก่อนเผยแพร่

เจ้าของกิจการหลายคนลงทุนทำเว็บไปหลักหมื่นหลักแสน เปิดเว็บวันแรกดีใจกันทั้งทีม แต่พอผ่านไป 3 เดือน เปิด Google Analytics ดูแล้วหน้าซีด…คนเข้าเว็บน้อยมาก ทั้งที่จ่ายค่าโฆษณา ยิงแอดก็แล้ว แชร์ลิงก์ในโซเชียลก็แล้ว

สาเหตุใหญ่ ๆ ที่เจอบ่อยคือ “เว็บเสร็จ แต่ไม่เคยแตะ On-Page SEO เลย” ทั้งที่จริง ๆ แล้ว On-Page SEO เว็บธุรกิจ เป็นสิ่งที่เจ้าของกิจการหรือคนทำการตลาดเริ่มทำเองได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ หรือสายเทคนิคจ๋า

บทความนี้เลยรวบเป็น เช็กลิสต์ 15 ข้อ ที่ควรไล่ดูให้ครบ ก่อนจะกดเผยแพร่เว็บหรือหน้าใหม่ ๆ ในเว็บธุรกิจของคุณ ถ้าคุณทำได้ครบหรือใกล้เคียง รับรองว่าช่วยให้เว็บมีโอกาสถูกค้นเจอมากขึ้น และดูเป็นมืออาชีพขึ้นทันที


ทำไม On-Page SEO สำคัญสำหรับเว็บธุรกิจใหม่

เว็บสวยแต่ไม่มีคนเห็น เท่ากับเสียโอกาสทางธุรกิจ

เว็บดีไซน์สวย ระบบเนี้ยบ แต่ไม่มีคนเห็น เท่ากับคุณมีโชว์รูมอยู่กลางป่า On-Page SEO เปรียบเหมือนการจัดหน้าร้านให้ Google เข้าใจว่าเว็บคุณพูดเรื่องอะไร และควรถูกแสดงให้ใครเห็นเวลาเขาเสิร์ชคำต่าง ๆ

ถ้าไม่แตะเลย คุณอาจเสียโอกาสให้คู่แข่งที่เว็บไม่ได้สวยกว่า แต่เขาทำ On-Page SEO เว็บธุรกิจ ได้ครบกว่า

On-Page SEO คืออะไร แบบภาษาคนทำธุรกิจ

อธิบายแบบสั้น ๆ

On-Page SEO คือการปรับ “สิ่งที่อยู่ในหน้าเว็บของคุณ” ให้ทั้งคนและ Google อ่านแล้วเข้าใจ

เช่น

  • ตั้งชื่อหน้าให้ตรงกับสิ่งที่ขาย
  • เขียนคำอธิบาย (Meta Description) ให้จูงใจ
  • จัดโครงเนื้อหาด้วย H1, H2, H3
  • ใส่รูปแล้วบอกให้ Google รู้ว่ารูปนี้คืออะไร (Alt Text)

ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในคำว่า On-Page SEO

On-Page SEO เว็บธุรกิจ ต่างจากเว็บทั่วไปยังไง

สำหรับเว็บธุรกิจ จุดโฟกัสจะชัดกว่าเว็บคอนเทนต์ทั่วไป คือ

  • อยากให้คน “ติดต่อ/ซื้อ/กรอกฟอร์ม”
  • เน้นความน่าเชื่อถือ ชัดเจน ไม่มั่ว
  • มักมีจำนวนหน้าหลัก ๆ ไม่เยอะ (หน้าโฮม, บริการ, สินค้า, เกี่ยวกับเรา, ติดต่อเรา)

เพราะงั้น การทำ On-Page SEO เว็บธุรกิจ จึงเน้น “คุณภาพของแต่ละหน้า” มากกว่าปริมาณ


พื้นฐานที่ควรรู้ก่อนเริ่มทำ On-Page SEO เว็บธุรกิจ

Keyword คืออะไร เลือกยังไงให้ตรงกลุ่มลูกค้า

Keyword คือคำที่ลูกค้าใช้พิมพ์ใน Google เช่น

  • “รับทำเว็บไซต์ ร้านอาหาร”
  • “บริการกำจัดปลวก นครศรีธรรมราช”
  • “คอร์สเรียนยิงแอดสำหรับเจ้าของร้าน”

ก่อนจะเขียนเนื้อหาหน้าไหน ควรรู้ว่า “หน้า นี้ จะเน้นคีย์เวิร์ดอะไร” แล้วค่อยวางเนื้อหาให้เกี่ยวข้องกับคำนั้น ไม่ใช่เขียนไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีทิศทาง

ความต่างระหว่าง On-Page, Off-Page และ Technical SEO (แบบสั้น ๆ)

  • On-Page SEO: สิ่งที่อยู่ในหน้าเว็บ (ที่เรากำลังพูดถึงในบทนี้)
  • Off-Page SEO: สิ่งที่อยู่นอกเว็บ เช่น เว็บอื่นลิงก์มาหาเรา (Backlink)
  • Technical SEO: เรื่องเทคนิค เช่น โครงสร้างโค้ด ความเร็วเว็บ Sitemap ฯลฯ

สำหรับเจ้าของธุรกิจที่เพิ่งเริ่ม สนใจ On-Page ให้ดี ก่อนค่อยขยับไปเรื่องอื่นก็ไม่สาย

อธิบายศัพท์สำคัญ: Title Tag, Meta Description, URL, Heading, Alt Text

  • Title Tag: ชื่อหน้าที่ขึ้นในผลค้นหา Google
  • Meta Description: ข้อความสั้น ๆ ใต้ Title ในหน้าผลค้นหา ใช้สรุปเนื้อหาหน้านั้น
  • URL: ลิงก์ของหน้า เช่น yourdomain.com/service/web-design
  • Heading (H1, H2, H3): หัวข้อใหญ่/รองในหน้า ใช้จัดโครงเนื้อหา
  • Alt Text: ข้อความอธิบายรูป ช่วยให้ Google เข้าใจว่าในรูปมีอะไร

รู้เท่านี้ก็เริ่มทำ On-Page SEO เว็บธุรกิจ ได้แล้ว


เช็กลิสต์ On-Page SEO เว็บธุรกิจ 15 ข้อก่อนกดเผยแพร่

ลองเปิดหน้าเว็บธุรกิจของคุณขึ้นมา แล้วไล่เช็กทีละข้อได้เลย

  1. โฟกัสคีย์เวิร์ดหลักของแต่ละหน้าให้ชัด
    แต่ละหน้าควรมี “หนึ่งประเด็นหลัก” เช่น หน้าบริการรับทำเว็บไซต์ หน้าบริการดูแลเพจ หน้าบริการออกแบบโลโก้ ไม่ควรจับทุกอย่างยัดในหน้าเดียว เพราะจะทำให้ทั้งคนอ่านและ Google งง
  2. ตั้งค่า Title Tag ให้ดึงดูดและมีคีย์เวิร์ด
    Title ควรมีคีย์เวิร์ดหลัก และบอกให้ชัดว่าหน้านี้เกี่ยวกับอะไร เช่น “รับทำเว็บไซต์ สำหรับธุรกิจบริการ เน้นใช้งานจริง ทำเสร็จสอนใช้ให้”
  3. เขียน Meta Description ให้สั้น กระชับ ชวนคลิก
    จำกัดประมาณ 140–160 ตัวอักษร บอกว่าในหน้านี้มีอะไร และตอบประโยชน์ลูกค้าอะไร เช่น “บริการ On-Page SEO เว็บธุรกิจ สำหรับเจ้าของกิจการที่อยากให้เว็บติด Google แบบวัดผลได้”
  4. ปรับ URL ให้สั้น อ่านรู้เรื่อง และมีคีย์เวิร์ด
    หลีกเลี่ยง URL ยาว ๆ หรือเต็มไปด้วยตัวเลข เช่น ?id=123 ควรใช้คำที่อ่านแล้วเข้าใจทันที เช่น /on-page-seo-เว็บธุรกิจ
  5. ใช้ H1, H2, H3 จัดโครงเนื้อหา ไม่เป็น “กำแพงตัวหนังสือ”
    หนึ่งหน้าควรมี H1 แค่ 1 อัน (หัวข้อใหญ่สุด) แล้วแบ่งหัวข้อย่อยด้วย H2, H3 ช่วยให้ทั้งคนอ่าน และ Google เข้าใจโครงสร้างง่ายขึ้น
  6. เขียนเนื้อหาให้มีคุณค่า ไม่สแปมคีย์เวิร์ด
    อย่าใส่คำว่า “On-Page SEO เว็บธุรกิจ” ทุกบรรทัด แค่กระจายให้พอดีในหัวข้อ, ย่อหน้าเปิด, เนื้อหาบางส่วน, และสรุปท้ายบทก็พอ เน้นตอบคำถามและปัญหาของลูกค้ามากกว่า
  7. ใส่รูปภาพที่เกี่ยวข้อง พร้อม Alt Text อธิบายรูป
    รูปอาจเป็นตัวอย่างงาน, กราฟ, อินโฟกราฟิก ฯลฯ แล้วใส่ Alt Text เช่น “ตัวอย่างหน้าเว็บที่ทำ On-Page SEO เว็บธุรกิจ แล้วโครงสร้างชัดขึ้น”
  8. ตรวจความเร็วเว็บ ไม่ปล่อยให้ช้าจนคนกดออก
    เว็บที่โหลดช้าจะทำให้คนออกก่อนเห็นเนื้อหาดี ๆ ของคุณ ลองลดขนาดรูป บีบอัดไฟล์ และใช้ Hosting ที่เสถียร
  9. ทำให้เว็บไซต์เป็น Responsive ใช้งานง่ายบนมือถือ
    คนส่วนใหญ่เข้าเว็บผ่านมือถือ ถ้าเว็บคุณเล็กจิ๋ว ต้องซูมเข้าออก หรือปุ่มกดยาก Google ก็ไม่ค่อยชอบด้วย Responsive หมายถึงเว็บปรับตัวเองตามขนาดหน้าจออัตโนมัติ
  10. ใส่ Internal Link เชื่อมไปหน้าสำคัญอื่นในเว็บ
    เช่น จากหน้าบริการหลัก ลิงก์ไปหน้ารีวิวลูกค้า หน้าตัวอย่างงาน หรือหน้าติดต่อเรา ช่วยให้คนอยู่ในเว็บนานขึ้น และ Google เข้าใจความเชื่อมโยงของเนื้อหา
  11. ใส่ External Link ไปยังแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ (ถ้าจำเป็น)
    ถ้าคุณยกสถิติ หรือข้อมูลจากแหล่งอื่น ลองลิงก์ไปยังเว็บไซต์ทางการ/สื่อหลัก ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้เนื้อหาของคุณ
  12. มีปุ่ม Call to Action (CTA) ชัดเจน
    เช่น “แอดไลน์ปรึกษาฟรี” “ขอใบเสนอราคา” “นัดคุย 15 นาที” ปุ่มเหล่านี้ควรถูกวางไว้ในจุดที่คนอ่านเนื้อหามาถึงแล้วพร้อมจะตัดสินใจ
  13. จัดโครงเนื้อหาให้อ่านง่าย มี Bullet / ตัวหนาเน้นประเด็น
    การใช้ Bullet และตัวหนา (Bold) ช่วยให้คนที่อ่านผ่าน ๆ ยังจับใจความสำคัญได้ เช่น จุดเด่นบริการ หรือเหตุผลที่ควรเลือกคุณ
  14. ตั้งค่า OG Tag สำหรับแชร์บนโซเชียลให้เรียบร้อย
    OG Tag (Open Graph) คือข้อมูลที่ใช้ตอนแชร์ลิงก์บน Facebook/Line เช่น ชื่อเรื่อง คำอธิบาย รูปภาพหลัก ตั้งให้ตรงกับสิ่งที่อยากให้คนเห็นตอนแชร์ออกไป
  15. เช็กอีกครั้งเรื่องภาษา/ตัวสะกด/เบอร์โทร/ข้อมูลติดต่อ
    ข้อนี้ง่ายแต่สำคัญมาก เว็บธุรกิจที่สะกดคำผิดเพียบ หรือเบอร์โทร/ไลน์ผิด จะทำให้เสียความน่าเชื่อถือไปทันที

ตัวอย่างการใช้เช็กลิสต์กับเว็บธุรกิจจริง

ตัวอย่างเว็บบริการ: บริษัทรับเหมาหรือบริการทำความสะอาด

เช่น หน้า “บริการทำความสะอาดออฟฟิศ รายเดือน”

  • คีย์เวิร์ดหลัก: “ทำความสะอาดออฟฟิศรายเดือน”
  • Title: มีคีย์เวิร์ด + ประโยชน์ เช่น “บริการทำความสะอาดออฟฟิศรายเดือน สำหรับธุรกิจที่อยากเซฟเวลา”
  • เนื้อหาใช้ Bullet อธิบายว่าเก็บกวาดอะไรบ้าง วัน/เวลาไหน ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่
  • CTA: “ขอใบเสนอราคาใน 1 วันทำการ”

ตัวอย่างเว็บขายสินค้า: ร้านเครื่องสำอาง/อาหารเสริม

เช่น หน้า “ครีมกันแดดสำหรับคนเป็นสิว”

  • ใช้รูปก่อน–หลัง รีวิวจริง
  • อธิบายส่วนผสม จุดเด่น แตกต่างจากกันแดดทั่วไปยังไง
  • ใส่ปุ่ม “แอดไลน์ปรึกษาผิวฟรี” เป็น CTA หลัก

เว็บบริษัทที่เน้นความน่าเชื่อถือและการขอใบเสนอราคา

เช่น บริษัทที่ให้บริการระบบไอที, รับทำเว็บไซต์ หรือที่ปรึกษาธุรกิจ

  • หน้า “บริการ On-Page SEO เว็บธุรกิจ” ก็ใช้เช็กลิสต์นี้แบบเดียวกันได้
  • เนื้อหาเน้นเคสลูกค้า ผลลัพธ์ที่วัดได้ ขั้นตอนการทำงาน และช่องทางติดต่อที่ชัดเจน

FAQ – คำถามที่เจอบ่อยเกี่ยวกับ On-Page SEO เว็บธุรกิจ

Q1: เว็บธุรกิจเล็ก ๆ จำเป็นต้องทำ On-Page SEO ไหม?

จำเป็นในระดับ “ควรทำ” มาก ๆ เพราะคุณสู้ด้วยงบโฆษณากับรายใหญ่ยากอยู่แล้ว On-Page SEO ที่ดีจะช่วยให้คุณมีโอกาสติดคำค้นหาบางคำแบบไม่ต้องจ่ายโฆษณาตลอดเวลา

Q2: ต้องเก่งเทคนิคมากไหม ถึงจะทำ On-Page SEO เองได้?

ไม่จำเป็น ส่วนใหญ่คือเรื่อง “การเขียนและการจัดโครงเนื้อหา” มากกว่าเรื่องโค้ด ถ้าคุณเข้าใจลูกค้าตัวเอง และอ่านเช็กลิสต์นี้จบ คุณเริ่มทำเองเบื้องต้นได้แน่นอน

Q3: ทำ On-Page SEO แค่ครั้งเดียวพอไหม หรือควรปรับเรื่อย ๆ?

แนะนำให้คิดแบบ “ทำพื้นฐานให้ดีครั้งแรก แล้วกลับมารีวิวเป็นระยะ” เมื่อคุณมีข้อมูลว่าหน้าไหนคนเข้าเยอะ/น้อย หรือมีคำถามใหม่จากลูกค้า ก็กลับมาอัปเดตเนื้อหาให้ดีขึ้นได้เสมอ

Q4: ถ้าจ้างทีมรับทำเว็บไซต์ ควรถามอะไรเรื่อง On-Page SEO บ้าง?

อย่างน้อยควรถามว่า

  • ตั้งค่า Title / Meta Description ให้ไหม
  • โครงสร้าง H1, H2, H3 วางให้เหมาะกับ On-Page SEO หรือเปล่า
  • รูปภาพถูกย่อขนาดและใส่ Alt Text หรือไม่
  • เว็บรองรับมือถือและมีความเร็วในระดับที่โอเคไหม

Q5: On-Page SEO ต่างจากการลงโฆษณายังไง ใช้อะไรก่อนดี?

โฆษณา = จ่ายปุ๊บเห็นผลปั๊บ แต่หยุดจ่ายก็หยุดแสดง
On-Page SEO = ลงแรงตั้งแต่แรก แต่จะช่วยให้เว็บมีโอกาสติดค้นหายาว ๆ ในระยะยาว

คำตอบคือ “ใช้คู่กัน” จะดีที่สุด แต่ถ้างบจำกัดมาก อย่างน้อยควรทำ On-Page ให้ดี ก่อนค่อยเสริมด้วยโฆษณา


สรุป: เช็กลิสต์ On-Page SEO เว็บธุรกิจ ที่ควรใช้ทุกครั้งก่อนกดเผยแพร่ + Soft CTA

สรุปสั้น ๆ ว่า On-Page SEO เว็บธุรกิจ คือการจัดหน้าเว็บให้ทั้งคนและ Google เข้าใจ ว่าหน้านี้พูดเรื่องอะไร เหมาะกับใคร และอยากให้คนอ่านทำอะไรต่อ จากเช็กลิสต์ 15 ข้อที่คุยกันมา คุณจะเห็นว่า ส่วนใหญ่คือเรื่องการวางโครงเนื้อหา เขียนให้ตรงกับคีย์เวิร์ด และดูแลประสบการณ์ของคนที่เข้ามาใช้งานเว็บ

คุณไม่จำเป็นต้องทำทุกข้อได้เป๊ะในวันแรก แต่อย่างน้อย ถ้าก่อนกดเผยแพร่แต่ละหน้า คุณลองไล่ดูทีละข้อ เชื่อว่าภาพรวมเว็บธุรกิจของคุณจะดูมืออาชีพขึ้น และมีโอกาสถูกค้นเจอมากขึ้นแน่นอน

ถ้าคุณรู้สึกว่าอยากทำ On-Page SEO ให้เว็บธุรกิจตัวเอง แต่ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากหน้าไหนก่อน หรืออยากได้คนช่วยวางโครงเว็บตั้งแต่ตอนออกแบบ เรามีทีม รับทำเว็บไซต์ ที่เข้าใจทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่อง SEO ยินดีให้คำปรึกษาแบบไม่ผูกมัด ลองคุยโจทย์และเป้าหมายของคุณก่อน แล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ ว่าจะให้เราเป็นคนช่วยดูแลหน้าเว็บที่ “สวยและถูกค้นเจอได้จริง” ให้กับธุรกิจของคุณ 🙂

Recent

Get Your Budget For The New Project Today